ที่ปรึกษางานบุคคล

article

บทความ

SMEs จะสร้างความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการบริหารคนได้อย่างไร (1/2)

ความแตกต่างในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจ SMEs และธุรกิจขนาดใหญ่  นั้นจะเป็นความรู้ หรือกรอบความคิดเบื้องต้นในการให้มุมมองให้กับผู้ประกอบการที่กำลังคิดจะเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับธุรกิจ ก่อนที่วางกลยุทธ์ในการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันต่อไป

ที่มาและความสำคัญ

ในอดีต ธุรกิจต่างๆ นั้นสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันกันโดยให้ความสำคัญด้านเทคโนโลยีและเงินทุน แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีต่างๆ สามารถลอกเลียนกันได้โดยง่าย ส่วนเงินทุนนั้นก็มีเครื่องทางการเงินรูปแบบที่สะดวกในการระดมทุนมากยิ่งขึ้น ดังนั้นธุรกิจจึงต้องมองหาการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการแสวงหากลยุทธ์ที่ยากจะลอกเลียนแบบได้โดยง่าย นั่นก็คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
เนื่องจากการบริหารทรัพยากรมนุษย์เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในระยะยาว ซึ่งความรู้ ทักษะ ความสามารถ ศักยภาพ โดยเฉพาะความจงรักภักดีที่มีต่อองค์กรนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบ และ ถ่ายโอนไปสู่องค์กรอื่นได้ ทรัพยากรมนุษย์จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างขีดความสามารถ ขยายศักยภาพให้กับองค์กร โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs

    ข้อมูลจากการศึกษาพบว่า การอยู่รอดของธุรกิจครอบครัวที่สามารถส่งต่อไปสู่รุ่นที่ 3 นั้นมีจำนวนต่ำกว่าร้อยละ 10″

และด้วยข้อจำกัดของ SMEs ที่ขาดแคลนทรัพยากรต่างๆ มากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีความพร้อมทั้งระบบการบริหารงาน เงินทุน และบุคลากร ดังนั้นการบริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับบริบทขององค์กร ทั้งด้านกลยุทธ์ทางธุรกิจ สภาพแวดล้อม ลักษณะเฉพาะ และความสามารถขององค์กร จึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาในการบริหารทรัพยากรมนุษย์เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ โดยผู้ประกอบการต้องใช้จุดแข็งที่มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ และใช้บทบาทในการเป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลง (Change Agent) เพื่อการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในกลยุทธ์เชิงรุกมากขึ้น โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ความแตกต่างในการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจ SMEs และธุรกิจขนาดใหญ่

1. ทรัพยากรด้านการเงินและทางกายภาพที่จำกัดของธุรกิจ SMEs

ซึ่งมีทรัพยากรด้านการเงินและความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้การบริหารทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจ SMEs ต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงความสมดุลระหว่าง การควบคุมต้นทุนในการผลิต และความพึงพอใจของพนักงานซึ่งการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในธุรกิจขนาดใหญ่จะเกิดความประหยัดต่อขนาด เช่น การจัดสวัสดิการต่างๆ ให้กับพนักงานจำนวนมากก็มีต้นทุนเฉลี่ยต่อพนักงานต่ำกว่าธุรกิจ SMEs อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่า ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs ที่มีพนักงานจำนวนที่น้อย จะให้ความสำคัญกับความพึงพอใจในการทำงานของพนักงานมากกว่าธุรกิจที่มีพนักงานจำนวนมาก (Arzu Safak Uyar, 2012)

2. ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของกิจการและพนักงาน 

ธุรกิจขนาดใหญ่จะมีการจัดองค์กรที่เป็นทางการ มีสายบังคับบัญชาที่ชัดเจน มีฝ่ายที่รับผิดชอบงานบริหารทรัพยากรมนุษย์ในองค์กร จำนวนบุคลากรที่มีจำนวนมากทำให้เจ้าของกิจการไม่ได้คลุกคลีกับพนักงานเป็นรายบุคคล ส่วนธุรกิจ SMEs ที่มีพนักงานจำนวนน้อย เจ้าของกิจการมักเป็นผู้มีบทบาทอย่างมากในการบริหารคน มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับพนักงาน ความสัมพันธ์อย่างไม่เป็นทางการ ทำให้มีความเป็นอิสระและคล่องตัวในการให้ผลตอบแทน รวมถึงการเอาใจใส่ความเป็นอยู่ของพนักงานและแก้ไขปัญหาได้ตรงกับความต้องการของพนักงาน  จึงเป็นจุดแข็งของธุรกิจ SMEs ที่จะใช้ความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับแรงจูงใจในการทำงานให้พนักงานเกิดความภักดีต่อองค์กร

         แต่ในขณะเดียวกันรูปแบบการบริหารงานที่ไม่เป็นทางการของธุรกิจ SMEs กลับทำให้ธุรกิจ SMEs ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว ไม่สามารถส่งต่อธุรกิจไปยังรุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ได้”

ดังนั้น การสร้างธุรกิจให้เป็นสถาบัน (Institutionalization) จึงเป็นวิธีการที่จะขจัดอุปสรรคในการอยู่รอดระยะยาว เพื่อให้ธุรกิจครอบครัวสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง และสามารถส่งต่อให้รุ่นต่อไปในอนาคตได้

3. การแบ่งงานกันทำ

เนื่องจากธุรกิจ SMEs มีข้อจำกัดทั้งทางด้านการเงิน รวมทั้งปริมาณงานบางตำแหน่งน้อย อาจเกิดการว่างงานแฝง ถ้าหากจะต้องแบ่งแยกงานตามตำแหน่ง ดังนั้น พนักงานในธุรกิจ SMEs จึงมักต้องทำงานหลากหลายหน้าที่ จึงไม่สามารถแบ่งแยกงานเป็นฝ่ายให้ทำงานเฉพาะด้านเฉพาะหน้าที่ได้อย่างชัดเจนเหมือนธุรกิจขนาดใหญ่ ข้อดีคือ พนักงานแต่ละคนสามารถทำงานแทนกันได้ และมีทักษะ ความชำนาญที่หลากหลาย

4.การคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาวมากกว่าระยะสั้น

เนื่องจาก SMEs ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจครอบครัว ซึ่งเจ้าของกิจการมักทำหน้าที่บริหารงานด้วยตัวเอง จึงมักคำนึงถึงผลประโยชน์ระยะยาวมากกว่าการคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นผลประโยชน์ระยะสั้น

“ดังนั้น การบริหารทรัพยากรมนุษย์ของธุรกิจ SMEs จึงเป็นระบบปิด ที่พยายามรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรในระยะยาว”

และมักไม่ค่อยมีผู้บริหารมืออาชีพจากภายนอกครอบครัวเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูง อีกทั้งสภาพแวดล้อมในการทำงานของธุรกิจ SMEs ก็ไม่จูงใจให้ผู้บริหารภายนอกเข้ามาบริหารเหมือนธุรกิจขนาดใหญ่อีกด้วย

5.ความยืดหยุ่นของการปรับตัวในการบริหารความเปลี่ยนแปลง

การบริหารความเปลี่ยนแปลงเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสามารถในการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน ธุรกิจ SMEs มีขนาดของเงินทุนน้อยและการใช้เทคโนโลยีไม่ซับซ้อน มีสายบังคับบัญชาสั้น เกี่ยวข้องกับคนในองค์กรไม่มากนัก จึงมีความสามารถในการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากภายนอกได้คล่องตัวกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างซับซ้อนและเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก

“ความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วจึงเป็นจุดแข็งของธุรกิจ SMEs ซึ่งรวมถึงกลยุทธ์ในการบริหารทรัพยากรมนุษย์

ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องมีบทบาทในด้านกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรมนุษย์โดยการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent)

ติดตามตอนถัดไป

 

#HRfreelance #HRConsultant #ที่ปรึกษาHR #SME #SMEs #ที่ปรึกษาSME

_________________________________________________________________________________
อ้างอิง : การบริหารทรัพยากรมนุษย์เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ที่มา : https://so02.tci-thaijo.org/index.php/JournalGradVRU/article/view/97780
_________________________________________________________________________________
บทความโดย : สุคนธา เปลี่ยนรูป
HR freelance : HR Consultant

 

          ในยุคปัจจุบัน Gig economy (ระบบเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากจ้างงานแบบครั้งคราว หรืองานที่รับจ้างแล้วจบไป) เริ่มขยายเข้าสู่สายอาชีพงาน HR หรืองานบุคคล มากยิ่งขึ้น ซึ่งการจ้าง HR freelance ในรูปแบบ Gig economy นี้ สามารถตอบโจทย์องค์กรในเรื่องใดได้บ้าง เราลองมาดูกัน

     1.บริษัท SME ที่มีงบประมาณจำกัด มีข้อจำกัดในการจ้าง ผู้บริหารฝ่ายบุคคลระยะยาว

ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ที่ SME หลายแห่งมักเผชิญกับปัญหาเรื่องบริหารงานบุคคลอย่างเป็นระบบ และมักจะมีข้อจำกัดในการจ้างงานผู้บริหารฝ่ายบุคคลที่มีความสามารถสูงมาร่วมงาน ไม่ว่าจะด้วยงบประมาณ สถานที่ตั้ง ความน่าสนใจของลักษณะ และขนาดของธุรกิจ หรือแม้กระทั่งสไตล์การบริหารแบบ Family business ก็มีผลต่อการจ้างผู้บริหารฝ่ายบุคคลมาร่วมงานประจำบริษัท ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการสรรหาคัดเลือกนาน  จนอาจเกิดผลเสียในระยะยาวได้ และ SME  เหล่านั้นมักมีความต้องการอยากจะได้ HR มืออาชีพ ภายในระยะเวลาที่กำหนด  ดังนั้น มองหาการจ้างงานแบบฟรีแลนซ์มืออาชีพ ก็ตอบโจทย์เรื่องการสรรหาคน และไม่ต้องแบกภาระค่าจ้างและสวัสดิการระยะยาว

    2.ช่วยองค์กรจัดการการเปลี่ยนแปลง ลดทอนความขัดแย้ง/ต่อต้านภายใน

ในช่วงที่องค์กรกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงจากสภาพแวดล้อมภายนอก หรือการเปลี่ยนแปลงเป้าหมาย วิธีการทำงานของภายในบริษัทเองก็ตาม แม้ว่ามีผู้ปฏิบัติงานบุคคลประจำอยู่แล้วก็ตาม แต่การจัดการความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ที่ต้องกระทบกับการวิธีการทำงาน ผลประโยชน์บางอย่าง หรือความเชื่อของพนักงานในองค์กร บางครั้งการสร้างความน่าเชื่อถือ การให้ความรู้ใหม่ๆ ที่มาจากที่ปรึกษา หรือบุคคลภายนอกนั้น อาจได้รับความร่วมมือง่ายกว่ามาก

     3.อัพเดทความรู้และวิธีการใหม่ๆ 

มีเจ้าของบริษัท SME จำนวนไม่น้อย ที่มองว่าการจ้างที่ปรึกษา หรือฟรีแลนซ์ภายนอก เป็นโอกาสในการค้นหาความรู้และประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป จาก ฟรีแลนซ์ หรือที่ปรึกษางานบุคคลที่มีประสบการณ์จากหลากหลายธุรกิจ เพื่อให้เข้ามาช่วยพัฒนาองค์กร พัฒนาคนในองค์กร

    4.Execute ได้จริง (เสียปลั๊กใช้ได้เลย ฟรีแลนซ์รับจบ งบคุมได้)

หลายครั้งที่ บริษัทต่างๆ จ้างทีมที่ปรึกษาจากบริษัทใหญ่ๆ เข้ามาวางระบบ แต่พบว่าเวลาจะดำเนินการจริง (Execute) ไม่สามารถทำได้ เพราะ HR ที่ทำงานประจำอยู่ในองค์กรนั้นมีหน้างานที่ต้องรับผิดชอบอยู่เต็มมือแล้ว ซึ่งการจ้างฟรีแลนซ์จะช่วยให้การลงมือทำจนเกิดผลลัพธ์นั้นเป็นจริงได้ในเวลาที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะฟรีแลนซ์ นั้น มักจะรับทำงานที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ่งจะรับจบในงานนั้นไปให้ด้วยเลย

    5.ได้รับเสียงสะท้อนกลับชัดเจน

ถ้าเจอฟรีแลนซ์ ที่กล้าให้ความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาเสมือนหุ้นส่วนขององค์กร เจ้าของธุรกิจจะได้รับเสียงสะท้อนกลับในมุมที่ HR ในองค์กรอาจไม่ Comfort ที่จะแสดงความเห็นออกไปตรงๆ หรือ แม้แต่ความเห็นของผู้จัดการ หัวหน้างาน และพนักงาน ก็ด้วยเช่นกัน

    6. ของแถมคือ Connection

       1 ใน ของแถมที่ติดตัวฟรีแลนซ์มาด้วย นั่นก็คือ Connection ที่หลากหลาย ในหลายๆ สายอาชีพและธุรกิจ ทั้งผู้ประกอบการ ผู้ปฏิบัติงานในองค์กร ที่ปรึกษาในด้านต่างๆ ที่เมื่อบริษัทจ้าง ฟรีแลนซ์มืออาชีพ (จริงๆ) เข้าไปแล้ว จะมีโอกาสเปิดรับมุมมอง และผู้คนที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น

          นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งในอีกจำนวนมหาศาลของข้อดีเท่านั้น ซึ่งยังมีข้อดีอีกมากมายที่แต่ละองค์กรสามารถค้นพบได้ผ่านประสบการณ์ตรง ด้วยการเฟ้นหาผู้ที่เป็นมืออาชีพจริงๆ เข้ามาร่วมงาน 

สามารถติดตามเราได้ทางเพจ Facebook

 

#HRfreelance #HRconsultant #HRconsult #HRcoach

ดูน้อยลง
Post Views: 796