ปัญหาที่ SMEs มักเจอหลังจ้าง HR Consultant และแนวทางการเลือกใช้งานอย่างมืออาชีพ
การจ้าง HR Consultant เข้ามาช่วยพัฒนาและจัดการระบบทรัพยากรบุคคลในองค์กรเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับ SMEs ที่ต้องการยกระดับการบริหารบุคคลโดยไม่ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายพนักงานประจำ อย่างไรก็ตาม หลายองค์กรพบปัญหาหลังจ้างที่ปรึกษา HR ซึ่งส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของงานและองค์ความรู้ภายในองค์กร บทความนี้จะพูดถึงปัญหาที่พบบ่อย และแนวทางเลือก HR Consultant ที่เหมาะสมเพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและเกิดผลลัพธ์ที่ยั่งยืน
ปัญหาที่ SMEs มักเจอหลังจ้าง HR Consultant
1. ระบบที่พัฒนาไว้ไม่ถูกนำมาใช้จริง
หลายองค์กรพบว่า หลังจาก HR Consultant วางระบบเสร็จแล้ว ระบบเหล่านั้นกลับไม่ได้ถูกนำไปใช้งานจริง หรือมีการใช้งานเพียงชั่วคราวก่อนจะค่อย ๆ หายไป สาเหตุหลัก ๆ มาจาก
- พนักงานภายในไม่เข้าใจหรือไม่มีความพร้อมในการใช้งาน
- ไม่มีผู้รับผิดชอบดูแลต่อหลังจากที่ปรึกษาจบโครงการ
- ไม่มีการสร้างความเข้าใจหรือแรงจูงใจให้ทีมงานนำระบบไปใช้
2. องค์ความรู้หายไปหลังที่ปรึกษาออก
หนึ่งในปัญหาที่ SMEs เจอบ่อยคือ องค์ความรู้ที่ HR Consultant ถ่ายทอดให้พนักงานไม่ได้ถูกบันทึกหรือส่งต่อ เมื่อที่ปรึกษาหมดสัญญาไป พนักงานใหม่หรือผู้บริหารกลับไม่สามารถนำความรู้เหล่านั้นมาใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง
3. HR Consultant ขาดความเข้าใจในธุรกิจขององค์กร
ที่ปรึกษา HR บางรายอาจมีความเชี่ยวชาญด้านกระบวนการ HR ทั่วไป แต่ไม่ได้เข้าใจบริบทเฉพาะของธุรกิจลูกค้า ทำให้แนวทางที่เสนอไม่สอดคล้องกับการดำเนินงานจริงขององค์กร ส่งผลให้การนำระบบมาใช้งานเป็นไปได้ยาก
4. ขาดการติดตามผลและปรับปรุงต่อเนื่อง
บางครั้ง HR Consultant อาจให้คำปรึกษาเพียงระยะสั้นหรือทำเพียงแค่ส่งมอบเอกสารระบบ HR โดยไม่มีการติดตามผลหรือช่วยองค์กรปรับปรุงให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง ทำให้ระบบ HR ที่ลงทุนพัฒนาไว้ไม่เกิดประโยชน์สูงสุด
5. การพึ่งพาที่ปรึกษามากเกินไป
บางองค์กรคาดหวังว่า HR Consultant จะเข้ามาจัดการทุกอย่างแทนพนักงานในองค์กร ทำให้ขาดการพัฒนาศักยภาพของทีม HR ภายใน เมื่อที่ปรึกษาหมดสัญญา องค์กรจึงไม่สามารถดำเนินการต่อได้ด้วยตัวเอง
แนวทางการเลือกและใช้ HR Consultant อย่างมืออาชีพ
1. เลือก HR Consultant ที่มีแนวทางการทำงานต่อเนื่อง
การเลือกที่ปรึกษาที่มีแนวทางทำงานแบบ Consult & Coach คือช่วยสร้างระบบ ควบคู่ไปกับการพัฒนาทีมงาน HR ภายในองค์กรให้สามารถดูแลต่อได้หลังจากโครงการจบลง
2. สร้างแผนส่งต่อองค์ความรู้
องค์กรควรตกลงกับ HR Consultant ตั้งแต่ต้นว่า จะมีการถ่ายทอดความรู้ให้ทีมงานอย่างเป็นระบบ เช่น
- การจัดอบรมพนักงาน HR หรือหัวหน้างานที่เกี่ยวข้อง
- การจัดทำคู่มือระบบ HR หรือ SOP
- การทำ workshop เพื่อให้ทีมงานนำไปใช้จริง
3. ตรวจสอบความเข้าใจในธุรกิจของที่ปรึกษา
ก่อนจ้าง HR Consultant ควรพิจารณาว่าเขามีประสบการณ์หรือความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของคุณมากน้อยเพียงใด และสามารถปรับระบบ HR ให้เข้ากับบริบทขององค์กรคุณได้หรือไม่
4. กำหนดระยะเวลาติดตามผลที่ชัดเจน
นอกจากการพัฒนาระบบแล้ว ควรกำหนดระยะเวลาติดตามผลอย่างน้อย 3-6 เดือนหลังเริ่มใช้งาน เพื่อให้มั่นใจว่าระบบ HR ที่พัฒนาไว้สามารถใช้งานได้จริง และปรับปรุงได้ตามความต้องการขององค์กร
5. สร้างความร่วมมือระหว่าง HR Consultant กับทีม HR ภายใน
องค์กรควรให้ HR Consultant ทำงานร่วมกับทีม HR ภายใน หรือหัวหน้าฝ่ายที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะให้ที่ปรึกษาดำเนินการทุกอย่างเพียงลำพัง เพื่อให้ทีมงานได้เรียนรู้และสามารถบริหารระบบ HR ได้เองในระยะยาว
สรุป
การจ้าง HR Consultant เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาระบบบริหารบุคคลของ SMEs แต่หากเลือกใช้ไม่ถูกต้อง องค์กรอาจต้องเผชิญกับปัญหาความไม่ต่อเนื่องของระบบ องค์ความรู้ที่หายไป และการพึ่งพาที่ปรึกษามากเกินไป ทางที่ดีที่สุดคือเลือกที่ปรึกษาที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน ถ่ายทอดความรู้ให้ทีมงาน และมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
เราในฐานะที่ปรึกษาด้าน HR ที่มุ่งมั่นเป็น ที่ปรึกษารายแรกที่ SMEs ในประเทศไทยนึกถึง เข้าใจถึงความท้าทายเหล่านี้และพร้อมช่วยเหลือองค์กรในการสร้างระบบ HR ที่ยั่งยืน ไม่ใช่เพียงแค่การวางแผนระยะสั้น แต่เป็นการพัฒนาองค์กรให้เติบโตไปพร้อมกับคนและวัฒนธรรมที่แข็งแกร่ง เพื่อให้ SMEs สามารถบริหารทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแข่งขันได้ในยุคปัจจุบัน
#HRConsultant #HRforSMEs #HRfreelance #ปัญหาการจ้างHRConsultant